Hermes - เสื้อยืดหนังจระเขั

ราคาดับร้อน

อากาศร้อน ไม่ไหวแล้ว

มีอะไรทำเพื่อดับร้อนได้บ้าง

สำหรับคนแฟชั่นก็ต้องไปช็อปปิ้งคลายร้อนดีกว่า

วันนี้มาพูดถึงเสื้อที่โดยธรรมชาติแล้วไม่ได้ใส่เพื่อสบายคลายร้อน

แต่ราคานี่ล่ะหนาวแน่

ผลงาน S/S 2013 จาก Hermes ภายใต้การนำของ Véronique Nichanian 

เสื้อแขนสั้นคอกลมตัวนี้หรือที่สื่อต่างประเทศเรียกกันว่า "เสื้อยืด" 

ตัดเย็บอย่างปราณีตด้วยวัสดุชั้นเลิศอย่างหนังจระเข้

แน่นอนที่สุด หนังจระเข้ชิ้นนี้ต้องไม่ธรรมดาตามแบบ super brand อย่าง Hermes 

แล้วราคาล่ะ จะไม่ธรรมดาขนาดไหน

สนนราคาของเสื้อยืดผู้ชายตัวนี้คือ

91,500 USD

อ่านไม่ผิดแน่นอน ถ้าตีค่ากลับมาเป็นเงินไทยก็คือ

2.7ล้านบาท โดยประมาณ

เรียกได้ว่าซื้อเสื้อหนึ่งตัว สามารถซื้อรถ BMW ซีรี่ 3 ได้คันนึงเลยล่ะ

และที่สำคัญกว่านั้น เสื้อตัวนี้มีวางขายจริง ไม่ใช่แค่ทำออกมาเพื่อโชว์เท่านั้น

Flagship Store ของ Hermes ที่ Madison Square มีเสื้อตัวนี้ราคานี้แขวนขายอยู่จริงๆ

ซึ่งสื่อจากประเทศแคนาดาได้มีการสันนิษฐานว่า 

ลูกค้าสาวกของ Hermes น่าจะสามารถรับราคาเสื้อผ้าแบบนี้ได้สูงสุดถึง 100,000 USD

หรือประมาณเกือบ 3ล้านบาท

ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอบอกว่า

ใครใคร่ซื้อ ซื้อ 

ใครใคร่ไม่ซื้อ ไม่ซื้อ 

Kooky - เครื่องประดับมันต้องชัด

เล็กๆไม่.....ใหญ่ๆจัดมา

เครื่องประดับเป็นหนึ่งในความงามคู่บ้านคู่เมืองแฟชั่นอย่างปฏิเสธไม่ได้

เราเชื่อเหลือเกินว่าอย่างน้อยที่สุดบรรดาสาวกแฟชั่นก็น่าจะต้องมีเครื่องแต่งตัว

ของประเภทแหวนเกลี้ยงๆ สร้อยเส้นเล็กๆ ต่่างหูคู่จิ๋ว สร้อยข้อมือบางๆ
หรือเครื่องประดับเรียบๆติดตัว ติดตู้ ติดโต๊ะ กันบ้างไม่มากก็น้อย

แต่ของชิ้นเล็กๆความสะดุดตามันจะสู้ชิ้นใหญ่ๆได้ยังไงกันล่ะ

ดังนั้นนาทีนี้ขอให้ลืมเรื่องเล็ก มาเจอเรื่องใหญ่กันดีกว่า

เพราะของมันจัดจ้านเทียบกันไม่ติดจริงๆ

"KOOKY"

แบรนด์นี้ล่ะของใหญ่ใส่เต็มแน่นที่เราพูดถึง

แน่นแค่ไหนก็เจ้าของแบรนด์คือบล็อกเกอร์สาวเปรี้ยวสุดตัว

ร่วมด้วยผู้สร้างไลน์เครื่องประดับในร้านคู่สยามสแควร์อย่างแบรนด์ Landmee 

เมื่อสองสาวมาเจอกัน รู้จักกัน คุยกัน คิดตรงกัน 

เลยจับมือกันสร้างงานที่ถูกใจผู้คนชนแฟชั่นกันขึ้น

Kooky (อ่านออกเสียงว่า คู-กี้) เป็นศัพท์แสลง แปลว่า บ้าๆบอๆ

ซึ่งชิ้นงานที่ได้เห็นกันไม่มีไก่กาปลากระป๋องใดๆทั้งสิ้น

แต่ความบ้าน่ะมีแน่นอน ไม่ใช่บ้าแบบเอาดอกชบาทัดหู

เพราะนี่เป็นความบ้าที่เปรี้ยวกว่านั้น 

บ้าแบบคนแฟชั่นก็ต้องเอาเพชรมาติดหูแทนน่ะสิ

พูดถึงคำว่าเพชร กรุณาอย่าคิดถึงเรื่องแพง หนัก ใส่ยาก 

เพราะเครื่องประดับเหล่านี้มีเพชรเป็นแรงบันดาลใจต่างหาก

ดีไซน์เนอร์บอกว่าก็เพราะเพชรมันเป็นของแพง

แล้วถ้าคนอยากใส่เพชรให้มันใหญ่ๆ 

เก๋สะดุดตา 

ไม่เจ็บกระเป๋าสตางค์ 

และต้องไม่ลิเกจะทำยังไง?

ง่ายมาก ก็ทำเครื่องประดับลายเลียนแบบเพชรสิ

ดังนั้นบรรดาต่างหูหลากแบบ สร้อยคอหลายทรง

ก็ค่อยๆทะยอยออกมาจากความคิดเป็นความจริง

"3D Paper Diamond Collection"

จากของ2มิติ กลายเป็น3มิติด้วยเทกนิคแบบคาดไม่ถึง

ของเล่นของใช้วัยเด็ก + แรงบันดาลใจ + ความบ้า

ทุกอย่างนำมารวมกันได้ผลลัพท์ออกมาเป็นงานเครื่องประดับสุดเก๋

ที่ดูยังไงๆก็ต้องคิดถึงไม้บรรทัด3มิติที่ทุกคนเคยมีไว้ครอบครองตอนเล็กๆ

สนุก ทนทาน และน้ำหนักเบาๆ

แค่นี้ก็พอแล้วนะสำหรับการหยิบใช้ในชีวิตจริง

มาครอบครองเครื่องประดับชื่อบ้าๆบอๆ

แต่ดีไซน์คิดได้เก๋สุดคาดกันเถอะ

FB: facebook.com/kookymk

IG: @kooky_mk

Enquiries: kookymk@gmail.com

คิดถึงความเป็นเด็กที่ยิ่งใหญ่เอาไว้

หยิบเครื่องเพชรชิ้นใหม่ ที่ใหญ่กว่าเพชรเม็ดไหนมาใส่ให้กับตัวเองได้แล้ว

The Rock Star - IT Bag ที่ต้องมี

มือหยิบดาว เท้าก้าวไปปาร์ตี้

คุณชอบปาร์ตี้หรือเปล่า?

คุณชอบให้ทุกสายตาจับจ้องเพราะความเก๋หรือไม่?

การเป็นเจ้าของสิ่งที่สุดเปรี้ยวคือความชอบที่สุดในชีวิตของคุณใช่ไหม?

คุณภูมิใจทุกครั้งที่มีคนเดินเข้ามาถามว่าของที่คุณใช้ คุณได้มาจากไหน?

ถ้าคุณตอบว่าใช่มากกว่าหนึ่งข้อ คุณไม่ควรพลาดของสิ่งนี้

ด้วยแรงบันดาลใจจากผับที่เปรี้ยวที่สุดเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา

กลายมาเป็นแบรนด์กระเป๋าน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน 

"Studio 54"

งานสุดเปรี้ยวจากฝีมือของ 2 มนุษย์เบื้องหลังแฟชั่นไทย

อนรรฆ อนันต์ - สไตลิสต์งานเต็มเหนี่ยว

รัฐศาสตร์ เกื้อหนุน - ดีไซน์เนอร์แนว progressive 

จับเอาความเก๋ในแบบฉบับ Manhattan, New York City

หยิบมาเป็นความฉูดฉาดครั้งใหม่ที่ กรุงเทพฯ, ประเทศไทย

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า 

ผู้คนเบื้องหน้าเบื้องหลังวงการแฟชั่นเมืองไทย

ต่างจ้องมองและจับจองกระเป๋าสุดเก๋ใบนี้กันแล้วอย่างถ้วนหน้า

 The Rock Star

คลัทช์รูปดาวสุดแซบ!!!

รูปดาวที่กลายร่างมาเป็นทรงกระเป๋าทำให้ได้กลิ่นอายจากยุค 1980's อย่างเต็มล้น

glitter ที่ถือว่าเป็นภาพจำของผับแห่งนี้

ยังถูกนำมาเป็นส่วนขยายความในวัสดุที่เลือกใช้ทำกระเป๋าอีกด้วย

เพราะถ้าพูดถึง Studio 54 แล้วล่ะก็

ไม่น่าจะหนีปาร์ตี้ countdown ปีใหม่ช่วงปลายยุค 1970's 

ที่ Robert Isabel หนึ่งในนักจัดงานสุดอลังการของโลก

นำ glitter น้ำหนักรวม 4 ตัน มาถมทางเดินทุกหนทุกแห่งในผับ

ทำให้ทุกคนที่มาปาร์ตี้ในค่ำคืนนั้นเดินอยู่บนพรม glitter หนา 5 นิ้ว

เรียกได้ว่าทุกผู้ทุกนางต่างจดจำในความบ้าและอลังการของงานนั้นได้

เหมือนเต้นรำอยู่บนเศษละอองของดวงดาวกันเลยว่างั้นเถอะ

ความอลังการของเหตุการณ์ที่คนปาร์ตี้ชาวนิวยอร์กพูดถึงกันในวันนั้น

กลายมาเป็นดวงดาวระยิบระยับให้จับต้องได้แล้วในวันนี้

จับต้องได้จริงๆนะ เรียกว่าถืออยู่ในมือกันได้เลยดีกว่าเถอะ

มัวชักช้ากันอยู่ทำไมรีบเสาะหามาเป็นเจ้าของได้แล้ว

อย่าเห็นว่าเป็นคลัทช์รูปร่างแบบนี้แล้วคิดว่าจะคับแคบ

ไม่ว่าจะเป็นเงิน โทรศัพท์มือถือ ตลับแป้ง แท่งลิปสติก 

จนไปถึงซองบุหรี่ยังสามารถรวมอยู่ในกระเป๋าใบเดียวได้ไม่ยาก

ที่สำคัญทั้งคู่บอกมาแล้วเลยว่าไม่มีเอาท์

เพราะStudio 54นี้ทำแต่กระเป๋ารูปดาวเท่านั้น

เอาสิอยากเป็นเจ้าของขึ้นมาแล้วเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ

STUDIO 54 

FIRST COLLECTION "The Rock Star" 

Colours #3 Pink, Grey, Black

Skins : Glitter

Shop : G Shop  Lower Lobby, Grand Hyatt Erawan Bangkok, T : 02-2528786

IG : @STUDIO54BAG

Online Shop at Line : Yui_Polka 

E-mail : Studio54bag@hotmail.com

Price 3,950 Baht

อย่าลืมว่าคุณก็เป็นดาวได้ง่ายๆ

Jarrod Scott - นายแบบใจกล้าคนล่าสุด

เผยผิวเป็นเรื่องศิลปะ

ความงามคือแก่นแท้ของโลกแฟชั่น

ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า หน้า ผม เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋าถือ เครื่องประทินผิว

ของเหล่านี้ที่พูดขึ้นมาก่อสร้างความงามด้วยกันทั้งนั้น

แต่กรุณาอย่าลืมว่ามีสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นความงามที่แปลกแตกต่างที่สุด

นั่นก็คือมนุษย์นั่นเอง

เอาล่ะเรามาพูดเรื่องมนุษย์ที่อยู่ในโลกแฟชั่นกันอีกที

แต่ครั้งนี้พูดเรื่องคนที่สวมเสื้อมันก็ดูไม่ค่อยเร้าใจเท่าไหร่

เรามาพูดเรื่องคนที่ไม่สวมเสื้อดีกว่า

แต่ถ้าจะร่ายยาวถึงบรรดาคนที่เปลื้องผ้าเพื่องานแฟชั่น

ทั้งหญิงและชายมันก็มีมากมายเกินไป

พูดกัน3วัน7วันไม่หมด

ดังนั้นครั้งนี้เราขอพูดถึงนายแบบที่เปลือยกายคนล่าสุดก็แล้วกัน

Jarrod Scott

หนุ่มหล่อสัญชาติออสเตรเลียดินแดนแห่งจิงโจ้คนนี้

เป็นลูกครึ่งอิตาเลียน-เยอรมัน

กระโดดเข้ามาในโลกแฟชั่นได้จากการที่มีช่างภาพไปเจอตัวเขาที่ฟิลิปปินส์ในขณะที่เขาไปเที่ยว

ซึ่งนั่นคือเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง

แต่เชื่อหรือไม่ด้วยระยะเวลาการทำงานเพียงแค่ 1 ปี 

models.com จัดอันดับให้เขาเป็นนายแบบหมายเลข 24 ของโลกไปแล้ว

งานแรกในชีวิตการเป็นนายแบบคือเดินโชว์ A/W 2012 ของ Givenchy

ซึ่ง Ricardo Tisci ก็ติดใจเลือกเขามาเดินอีกใน S/S 2013 อีกครั้ง

ซึ่ง Tisci ถึงขนาดเอ่ยปากว่าเขาเป็น "new star of Givenchy gang"

ด้วยรูปร่างที่สวยงามสมส่วน หุ่นที่เป๊ะจนแทบจะอ้าปากค้าง

เลยเป็นสาเหตุที่จะได้เห็นเขาถอดเสื้อโชว์เนื้อหนังมากมายเต็มไปหมด

 และแน่นอนที่สุดถ้าคุณคิดว่านี่ยังเปลือยไม่พอ

เรามาดูงานชิ้นล่าสุดของเขากับนิตยสารแฟชั่นอันดับ 1 ของโลกอย่าง Vogue Homme ดีกว่า

ด้วยชิ้นงานภาพถ่ายแบบขาวดำ

เครื่องแต่งกายจาก super brand ระดับโลกอย่าง

Gucci, Dolce&Gabbana, Dior Homme, Bottega Veneta

ร่วมด้วยช่างภาพอย่าง Solve Sundsbo 

และสไตลิ่งสุดเฉียบจาก Beat Bolliger

ทุกสิ่งอย่างก่อให้เกิดนิยามของความหรูหราแบบใหม่

เป็นความหรูหราแบบไร้กรอบสำหรับหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้

ถ้าตอนนี้ยังคิดภาพคำว่าไร้กรอบไม่ออกอีกล่ะก็ 

เรามาดูภาพสุดท้ายของแฟชั่นเซ็ตนี้กันดีกว่า

การเปลือยกายไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในโลกแฟชั่น

โดยส่วนตัวแล้วยังคิดด้วยซ้ำว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำว่าความงาม

ถึงแม้ว่าบางคนจะมองว่านี่คือภาพอนาจารหรือทะลึ่งลามก

แต่เรากลับคิดว่านี่มันก็เป็นความงามตามแบบศิลป์มากกว่า

อย่างที่บอก

"มนุษย์เป็นความงามที่ไม่ซ้ำแบบกัน"

4 ความงามตามแบบเอเซีย

งามเหลือประมาณ

พูดถึงเรื่องความสวยงามในวงการแฟชั่นโลก

นอกจาก เสื้อผ้า หน้า ผม รองเท้า กระเป๋าถือ หรือเครื่องประดับแล้ว

อะไรคือสิ่งที่นำเสนอและทำให้สินค้าที่ถูกออกแบบอย่างปราณีตเหล่านี้ออกมาลงตัวอย่างสวยงาม?

คำตอบนั้นคือ

"นางแบบและนายแบบ"

แต่เราพูดถึงนายแบบมามากแล้ว 

ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงเหล่าหญิงงามแห่งโลกแฟชั่นกันบ้าง

แน่นอนที่สุด พวกเธอเหล่านั้นเป็นคนเอเซีย

Du Juan

หญิงสาวจากเซี่ยงไฮ้ที่พกพาความสูง 179 ซม. มาเป็นจุดยืนในเวทีโลก

เธอถูกขนานนามว่า 

"สุดยอดนางแบบสัญชาติจีนคนแรกของโลก"

ด้วยชื่อเรียกนี้เอง ทำให้เธอได้ขึ้นปก Vogue China มากถึง 11 ครั้ง

เรียกว่าทิ้งห่างนางแบบและดาราคนอื่นๆมากมายเลยทีเดียว

รัศมีของเธอเริ่มฉายชัดเมื่อ Mario Testino ถ่ายรูปเธอลงปก Vogue Paris ในปี 2005

ซึ่งนับว่าเป็นชาวเอเซียคนแรกที่ได้ลงปกนิตยสารเล่มนี้

เดินแบบครั้งแรกในปี 2006 กับโชว์ชุดเจ้าสาวของ Valentino 

ซึ่งเธอเป็นคนเดินเปิดและปิดโชว์

หลังจากนั้นเราก็ได้มีโอกาสเห็นหน้าเห็นตาเธอตามโชว์ใหญ่ๆ อย่างเช่น

Jean Paul Gaultier, Roberto Cavalli, Chanel

จนกระทั่ง style.com จัดให้เธอเป็น 

"หนึ่งใน10นางแบบที่น่าจับตามองใน Fall 2006"

แน่นอนที่สุดโฆษณาภาพนิ่งของสารพัดสารพันแบรนด์มีหน้าเธอได้เห็นกันตลอด

Hogan by Karl Lagerfeld F/W 2011

Jones New York F/W 2010 and S/S2011

Esprit Holliday 2

นี่ยังไม่รวมบรรดานิตยสารที่เธอได้ขึ้นปกและถ่ายแฟชั่นอีกเพียบ

นี่คือสาเหตุที่ทำให้ models.com จัดเธออยู่ในอันดับที่ 14 นางแบบโลก

Tao Okamoto

นางแบบสุดฮอตจากแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศญี่ปุ่น

ปรากฎตัวครั้งแรกในปี 2006 ในโชว์ของ Emmanuel Ungaro, Martin Grant, Shiatzy Chen

 ปี 2007 ลัดฟ้ามาเดินบนเวทีนิวยอร์กอย่าง Marc Jacobs, Cynthia Steffe

ถ่ายงานโฆษณาและเป็นโฉมหน้าให้กับสารพัดแบรนด์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง 

ยกตัวอย่างคร่าวๆเช่น Kenneth Cole, Kenzo, Ralph Lauren Blue Label, D&G เป็นต้น

Teen Vogue เรียกเธอว่าเป็น "Rising Star" ในฉบับเดือนกันยายน 2009 

และยังเรียกว่า "Girl of the Moment" ในฉบับเดือนธันวาคม/มกราคม 2010 อีกด้วย

Vogue Japan ยกให้เธอเป็นปกและถ่ายแฟชั่นเซ็ทตลอดทั้งเล่มในฉบับเดือนพฤศจิกายน 2009 

นั่นทำให้เธอถูกจับตามองในฐานะ สุดยอดนางแบบดาวรุ่ง ทันที

ไม่เพียงแค่นั้นสารพัดนิตยสารระดับโลกก็พากันเรียกใช้เธอมาโดยตลอด

หนังสือหัวใหญ่อย่าง Vogue แทบจะทุกประเทศตกหลุมรักเธอ

ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อเมริกา รัสเซีย เรียกได้ว่าเธอเคยลงมาหมดแล้ว

models.com จัดให้เธอเป็นนางแบบโลก อันดับที่ 46 ในปี 2011

Sui He 

อีกหนึ่งสาวเก๋จากแดนมังกร

เป็นที่รู้จักกันในฐานะคนเอเซียคนแรกที่เป็นโฉมหน้าของ Shiseido ในปี 2012

นางแบบเอเซียคนแรกที่เดินเปิดโชว์ของ Ralph Lauren 

นางแบบจีนคนที่สองที่ได้เดินโชว์ Victoria's Secret

แค่คุณสมบัติเหล่านี้ที่สาธยายออกมาก็ทำให้เธอเป็นที่น่าสนใจอย่างที่สุด

เริ่มอาชีพนางแบบตั้งแต่อายุ 17 ที่ประเทศจีน

และเริ่มเดินทางทำงานนอกประเทศครั้งแรกเมื่ออายุ 22 

แจ้งเกิดจริงจังกับงานเดินเปิดโชว์ Ralph Lauren ในปี 2011

และเดินเปิด-ปิดโชว์ Vivienne Tam ที่นิวยอร์ค

 ที่มิลาน เดินงาน Dolce & Gabbana 

ที่ปารีส เดินงาน Shiatzy Chen และ Dries van Noten 

งานแน่นขนาดนี้แน่นอนที่สุดที่สื่อต่างๆต้องจัดอันดับและขนานนามเธอ 

New York Magazine จัดให้เธอเป็น 1 ใน 10 โฉมหน้าของ Fall 2011

style.com เรียกเธอว่า 1 ใน 10 นางแบบหน้าใหม่

หลังจากนั้นทุกโชว์เด่นๆต่างก็จับจองตัวเธอมาเดินแบบกันเป็นแถว

Chanel, Dior, Helmut Lang, Hermes, Herve Leger, Jean Paul Gaultier

 Missoni, Mugler, Oscar de la Renta, Ralph Lauren, Y-3

แม้กระทั่งชุด Couture ของ Chanel, Dior, Jean Paul Gaultier เธอก็ได้สวมเดินบนเวทีมาแล้ว

งานโฆษณาภาพนิ่งมีหรือที่จะหลุดพ้นมือเธอไปได้

นี่ล่ะนางแบบอันดับที่ 14 ของโลกแห่งปี 2012

 Liu Wen

นางแบบสัญชาติจีนอันดับหนึ่งของโลก

เธอเริ่มเข้าสู่แวดวงนางแบบครั้งแรกเมื่อปี 2005

ผ่านทางเวทีประกวด New Silk Road World Model Contest 

แต่ได้พ่ายแพ้ให้กับ Du Juan ไปซะอย่างนั้น

แต่นั่นก็ไม่ได้ปิดกั้นอนาคตในสายงานนางแบบของเธอแต่อย่างใด

เธอเปิดตัวอย่างสวยงามในเมืองจีนด้วยการขึ้นปก FHM ฉบับภาษาจีน

ตามติดมาด้วย Vogue และ Haper's Bazaar ของเมืองจีน

ปี 2007 เธอก็ไปสะดุดตาสื่อต่างประเทศ 

หลังจากที่เธอถ่ายแฟชั่นของ Karl Lagerfeld และ Viktor & Rolf ในนิตยสาร Cosmopolitan

และได้เริ่มเดินแบบในเวทีระดับโลกอย่างมิลาน ที่เธอเดินปิดโชว์ให้ Trussardi

และตามมาด้วยสารพัดแบรนด์ระดับยักษ์ใหญ่แห่งวงการ

Shiatzu Chen, Chanel, Jean Paul Gaultier, Hermes

ความงามในแบบเอเซียของเธอโดดเด่นมาก

ถึงขนาดที่เรียกว่าได้ถ่ายงานโฆษณาให้กับแบรนด์ดังระดับโลก มากถึง 7 งานในซีซั่นเดียว

ที่สำคัญมากสำหรับการเป็นนางแบบ 

นั่นคือการที่ได้เป็นนางแบบชาวจีนคนแรกที่ได้เดินแบบให้กับโชว์ของ Victoria's Secret 

ซึ่งแน่นอนที่สุดเธอบอกว่าไม่น่าเชื่อที่เธอได้เดิน เพราะเธอคิดว่าหน้าอกเธอเล็กเกินไปสำหรับโชว์นี้

แต่เธอก็ถูกเลือกให้ร่วมโชว์ติดต่อกันถึง 4 ปี 

ปี 2010 จะเรียกว่าเป็นปีที่เดินกันขาขวิดเลยก็ว่าได้

เพราะเธอมีงานเดินมากถึง 70 แบรนด์ นี่แค่ใน S/S 2010 ซีซั่นเดียว

เรียกได้ว่าเป็นนางแบบที่ถูกจองตัวมากเป็นอันดับ 2 รองจากนางแบบฝรั่งเศส Constance Jablonski

Estee Lauder เลือกเธอเป็นโฉมหน้าของแบรนด์ในปี 2012
นับว่าเป็นชาวเอเซียคนแรกที่แบรนด์นี้เลือกใช้

และนี่ล่ะผู้หญิงที่ได้รับอันดับ 5 นางแบบโลกในปี 2012 โดย models.com