Sunday 30 September 2012

ความทุกข์แสนประเสริฐ

เมื่อความทุกข์เกิดขึ้น ถ้าเราขาดสติ เราจะมองไม่เห็นความทุกข์ แต่ถ้าเรามีสติ เราจะเห็นความทุกข์ พอเห็นแล้ว ความทุกข์จะเปลี่ยนคุณภาพเป็นความสุข ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ความทุกข์เป็นความจริงอันประเสริฐ เพราะความทุกข์นำมาซึ่งความสุข.....

ว.วชิรเมธี

Saturday 29 September 2012

David Beckham for H&M - กางเกงในธรรมดาที่อยากจะทำให้.....ไม่ธรรมดา

กางเกงในที่อยากโชว์

เปิดตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการกับ H&M เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา 
ซึ่งเหล่าบรรดาสื่อต่างๆ เซเลบริตี้ แฟชั่นนิสต้า และคนในแวดวงแฟชั่น
ที่มองไปทางไหนก็คุ้นตาเหลือเกิน เดินกันให้ขวักไขว่
เรียกว่างานนี้ถ้าเอาระเบิดไปวางที่งาน ก็รับรองว่าไม่ต้องรอให้รุ่นเก่าผลัดใบกันเลยล่ะ
อีพวกเด็กน้อยที่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะลืมตาอ้าปากอยากเกิดในวงแฟชั่น ก็คงจะจุดพลุฉลองใหญ่กัน3วัน3คืนแน่นอน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่รู้ว่าอะไรเป็นยังไงดี พอได้เดินรอบๆทั้งชั้นล่างและชั้นบนแล้ว
กลับกลายเป็นว่าหาของที่โดนตาต้องใจแทบจะไม่มี
เสื้อผ้าเด็กที่ดูยังไงก็ละม้ายกับ Benetton 
เสื้อผ้าผู้ชายที่ใกล้เคียงกับ Top Man ซะเหลือประดา
เสื้อผ้าผู้หญิงที่ดูเป็นลูกผสมจะหว่าง XXI Forever และ Zara
หรือเป็นเพราะว่า H&M มาช้าเกินไป เลยทำให้ความน่าตื่นตาตื่นใจมันน้อยลงไปหน่อยวะ

คือจะหันไปดูทางไหนก็เห็นสินค้าที่คุ้นตาหรือเหมือนจะเคยเห็นมาแล้วตามสโตร์ใหญ่ๆทั้งหลายทั้งนั้นเลย

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีของดีเลยซะทีเดียว เพราะถ้าดูจากคิวต่อแถวจ่ายเงินแคชเชียร์แล้วเนี่ย
เรียกกันว่าใครตัดสินใจจ่ายเงินช้าหน่อย อาจจะต้องรอคิวกันนานเป็นชั่วโมงๆเลย
ซึ่งนี่เป็นเรื่องจริง เพราะได้คุยกับไอ้คนที่รอเป็นชั่วโมงมาแล้วกับตัว
สรุปภาพรวมกันได้ว่า ลางเนื้อชอบลางยา ใครใคร่ซื้อซื้อ ใครใคร่ไม่ซื้อไม่ซื้อ นั่นเอง

และอีกหนึ่งมุมข้างๆแคชเชียร์ในแผนกเสื้อผ้าผู้ชายก็มีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่ 
น่าสนใจจนจะเอามาพูดให้ฟังกันวันนี้ สิ่งที่ว่านั้นก็คือ

David Beckham for H&M

กางเกงชั้นในภายใต้ชื่อของนักฟุตบอลชื่อก้องโลก ที่ตัดเย็บด้วยวัสดุที่สวมใส่สบาย
คิดสรตะกันตั้งแต่การออกแบบที่ใช้เวลาพิจารณายาวนานถึง18เดือน 
ถึงขนาดที่ว่าไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเบคแฮมเพื่อหาความยาวของแขนเสื้อยืดที่พอดีลงตัว 
ใส่แล้วไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป 
ขอบอีลาสติกกางเกงในที่สบายที่สุดเวลาสวม ไม่มีการระคายเคืองหรือบาดผู้สวมใส่แน่นอน
แม้กระทั่งฉลากยี่ห้อที่จะต้องไม่รำคาญหรือถูโดนเนื้อเวลาใส่
ซึ่งผลงานทั้งหมดออกแบบโดย Beckhamและทีมงาน วางขายที่ร้าน H&M เท่านั้น

คอลเลคชั่นกางเกงในของเบคแฮมชุดนี้ มีให้เลือกทั้งหมด 9 แบบ

ไม่ว่าจะเป็น กางเกงใน, กางเกงในเต็มตัว, กางเกงในบ็อกเซอร์, กางเกงบ็อกเซอร์
 เสื้อกล้าม, เสื้อยืดแขนสั้น (David's Perfect T-shirt), เสื้อยืดแขนยาว
 ชุดนอน, กางเกงในขายาว (Long John) 

คือเค้าบอกออกมาเลยว่าเบคแฮมต้องการที่จะพลิกโฉม 
ปฏิวัติวงการกางเกงชั้นในผู้ชายในศตวรรษที่ 21 นี้กันเลยทีเดียว








คอลเลกชั่นนี้วางขายแล้วทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา
และในที่สุดก็มีโอกาสมาถึงมือถึงตัวของหนุ่มๆชาวไทยให้ได้ทดลองสวมใส่ประสบการณ์ผู้ชายๆ
ในแบบของเบคแฮมกันได้แล้ว 
วันนี้ที่ H&M

Misty Mynx - สวยได้ในวันสบายๆ


ผู้หญิงในวันสบายๆ

Misty Mynx



แบรนด์น้องใหม่ภายใต้หลังคาเครือ Jaspal ได้กำหนดนิยามความเป็นผู้หญิงขึ้นมาใหม่
ผู้หญิงจะต้องมีความอิสระ ความมั่นใจ และใช้ชีวิตแบบเก๋ๆให้สุดตัว

ไม่ว่าจะเดินนั่งเดินนอนเล่นอยู่กับบ้าน
ออกไปเดินย่ำเม็ดทรายเปื้อนน้ำทะเลด้วยเท้าเปล่ากับคนที่รัก
หรือแม้กระทั่งไปออกกำลังกาย

พวกเธอทุกคนก็สามารถที่จะเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายแต่เก๋คูล 
ดูลำลองหวานๆแต่ซ่อนความเซ็กซี่เผ็ดเปรี้ยวเอาไว้เต็มแก่น

เรียกได้ว่านี่เป็น Lounge and Resort Wear อย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบครั้งแรกของวงการแฟชั่นไทย














Friday 28 September 2012

Don't loose your head

มาลานำไทย

ใครที่ได้ตื่นตะลึงกับหมวกทรงยุค 1920's ที่เห็นกันเต็มโชว์ S/S 2012 ที่ผ่านมา ยังคงจะต้องตื่นตาตื่นใจกับโชว์ A/W 2012 นี้อย่างต่อเนื่องแน่นอน

เพราะสารพัดสารพันซูเปอร์แบรนด์ทั้งหลายทั่วทุกมุมโลกต่างก็ประเคนหมวกที่เกินจริงจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับศีรษะออกมากันอย่างท่วมหูท่วมหัวเต็มไปหมด

ฝั่งนิวยอร์กก็มี Marc Jacobs ที่ได้แรงบันดาลใจการทำหมวกมาจาก Anna Piaggi แฟชั่นคอลั่มนิสต์และแฟชั่นไอคอนตัวแม่ชาวอิตาลี (ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา) ด้วยสาเหตุที่ว่า เธอใส่หมวกตลอดเวลาไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตาม




ทางฝั่งปารีสก็ไม่น้อยไปกว่ากัน Louis Vuitton ภายใต้การกุมบังเหียนของ Marc Jacobs ก็ไม่แพ้กัน สงสัยว่านางจะชอบหมวกมากเป็นพิเศษช่วงนี้ เลยเห็นงานของนางที่เต็มไปด้วยหมวกจากทั้ง2ทวีปเลยทีเดียว





Sarah Burton นารีขี่ม้าขาวที่มาสานต่องานจากดีไซน์เนอร์เจ้าของชื่อที่ล่วงลับไปอย่าง Alexander McQueen ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นหมวกหรือเครื่องหัวแต่อย่างใด แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะต้องหยิบยกเครื่องประดับชิ้นเก๋ชิ้นนี้มาให้ดูกัน 


แว่นตาที่ดู minimal และ โคตรพ่อโคตรแม่avant garde อันนี้ ใครได้จับจองเป็นเจ้าของล่ะก็จะสะกดทุกสายตาแน่นอน (ซึ่งรู้มาว่าคุณป๊อป ดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์ Wonder Anatomie ได้ใส่เฉิดฉายที่กรุงเวียนนาเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว)


หนาวนี้แล้วทั้งทีก็เลยอยากให้ทุกคนลองมาคิดสรตะเรื่องการสวมหมวกก่อนออกจากบ้านกันหน่อยก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร ใส่ตอนช่วงนี้ได้เลยยิ่งดีเพราะฝนตกทุกวัน กันปรอยฝนได้เก๋ๆประหนึ่งเป็นร่มคันเล็กและเป็นเครื่องกันเชยอีกต่างหาก

Thursday 27 September 2012

H&M Grand Opening Night

FAR FROM FUR???

โลกแฟชั่นเป็นโลกแห่งความจริง 
โลกแห่งความจริงเป็นโลกของความโหดร้าย
เพราะฉะนั้นโลกแฟชั่นคือโลกของความโหดร้าย

ข้อความข้างต้นเป็นตรรกศาสตร์ง่ายๆที่พูดแล้วเข้าใจได้ในทันที 
และประเด็นที่จะเอามาพูดกันในวันนี้ก็คือเรื่องของขนสัตว์ในโลกแห่งแฟชั่น

แน่นอนเป็นที่สุดที่ในวงการธุรกิจแฟชั่นเป็นแวดวงที่ไม่สามารถจะหยุดนิ่งหยุดคิดเรื่องราวอะไรที่มันใหม่ๆไม่ได้
ไม่เช่นนั้นแล้วบรรดาแฟชั่นนิสต้าตัวพ่อตัวแม่ทั้งหลายคงจะอกแตกตาย 
ประหนึ่งได้ยินเสียงปี่ของพระอภัยมณีที่เกาะแก้วพิสดารเป็นแน่แท้
ดังนั้นเหล่าบรรดาดีไซน์เนอร์ทั้งหลายก็ต้องควานหาวัสดุแบบแปลกๆ
ไม่ว่าจะใหม่หรือเอาของเก่ามาปัดฝุ่นเติมเทคโนโลยีเข้าไปให้มันใหม่ให้จงได้กันอยู่เสมอๆ

แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องหนังและขนสัตว์ที่มีมายาวนานที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลกอย่าง 

Fendi 

ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ว่ามานั้น 
เนื่องจากในโชว์ของนางมันสามารถตะโกนออกมาได้ว่า
กูไม่แคร์ถ้าจะใช้ขนสัตว์จริงเพราะกูคิดว่ามันสวยดีและมึงต้องชอบกันแน่นอน
ซึ่งเป็นไปตามคาดเพราะว่ามันช่างสวยงามน่าจับต้องเป็นเจ้าของมากนักแล
ถึงแม้ว่าในความงามนั้นมันจะแฝงไปด้วยความโหดร้ายไปหน่อยนึงก็ตามที

ในโชว์A/W 2012 ของ Fendi เราจึงได้เห็นขนสัตว์ยกขบวนขันหมากมากันเป็นทิวแถว

ไม่ว่าจะเป็นหนังกวางที่ถูกตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าทั้งชุด 


 


ขนแกะถูกย้อมสีเกินจริงเต็มไปหมด




ขนแพะที่ห้อยติดประดับกระเป๋า


 


หนังจระเข้สีกรมท่าและสีน้ำตาลแดง 



แค่วัสดุที่พูดถึงทั้งหมดนี้ก็มีค่ามากพอที่ PETA จะไม่สาดแค่น้ำแดง
แต่คงจะสาดน้ำส้มน้ำเขียวน้ำองุ่นราดนมข้นหวานโปะบนน้ำแข็งไสตามกันมาด้วยเลย
เรียกว่าซื้อขนมปังเย็น ซื้อจ้ำบ๊ะ มาสาดเสียเทเสียกันหน้าโชว์ซะให้หนำใจพวกนางกันเป็นแน่แท้

แต่อย่าว่าแต่ Fendi แบรนด์เดียวเลย สงสารนาง ช่วยข้ามมาดูแบรนด์นิวยอร์กอย่าง

Proenza Schouler

กันด้วยหน่อยนึงนะ เดี๋ยวจะหาว่าคนมิลานเท่านั้นที่โหดร้าย 
ฝั่งนิวยอร์กก็ไม่แพ้กัน

กระเป๋าถือของนางก็ใช่ย่อย เพราะทุกใบนั้นทำมาจากหนังกวางเหมือนกันนะจ๊ะ







สงสัยจังว่างานนี้เหล่า PETA ทั้งหลาย จะแบ่งแยกตัวเองไปสาดน้ำแดงสาดนมข้นหวานตามแต่ละโชว์แต่ละประเทศยังไงกันไหววะเนี่ย 
และถ้าจะสาดให้หมดครบทุกโชว์ก็ขอแนะนำให้ไปถือหุ้นโรงงานเฮลส์บลูบอยไปเลยดีกว่า 
จะได้ไม่เสียเวลาซื้อหาน้ำแดงเดี๋ยวมันจะขาดตลาดไปหมดซะก่อน



 

The Great Gatsby - Movie with style



เดอะ เกรท แกทส์บี้

หลังจากหลับใหลไปเกือบ4ทศวรรษ ในที่สุดภาพยนตร์แนวโรแมนติก/ดราม่า 
เรื่องนี้ก็ถูกปลุกให้ออกมามีชีวิตอีกครั้ง โดยมีความหลงใหล ความอยากรู้อยากเห็น 
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกมลสันดานของมนุษย์ทุกหน้า 
มารับบทบาทเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้

นักแสดงที่เข้ามาสวมตัวละครใส่ตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ก็เป็นระดับที่เรียกว่าไม่มีโนเนมละกันน่ะ

ไม่ว่าจะเป็น

Leonado DiCaprio
Tobey Maguire
Carey Mulligan

นี่แค่ส่วนน้อย อยากรู้ที่เหลือเป็นใครบ้างก็คงจะต้องตามชมกันช่วงปีหน้า

แต่ที่แน่ๆก็คือเราจะไม่มาพูดถึงเรื่องของภาพยนตร์กันนะจ๊ะๆ และคงจะผิดมากถ้าไม่ได้เอ่ยถึงเสื้อผ้าในยุค 1920's ที่เป็นฉากหลังของเนื้อเรื่องอันนี้ ชุดเสื้อผ้าในยุคที่ผู้หญิงตะวันตกทุกนางถอด corset ทิ้ง และสวมเสื้อผ้าตัวหลวมเป็นครั้งแรกในรอบศตวรรษกว่าๆ ยุคที่ผู้หญิงสามารถดื่มเหล้าสูบบุหรี่ได้โดยไม่ต้องถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงชั้นเลว ยุคที่สร้อยไข่มุกของแท้ได้ถูกสวมใส่กันในชีวิตจริงโดยทั่วไป และเป็นหนึ่งในยุคที่ดีไซน์เนอร์ซึ่งรวมไปถึงนักเรียนแฟชั่นหลายคน 
หลงใหลในเสน่ห์ของโครงเสื้อแสนเรียบแต่ยากเหลือเกินถ้าต้องการนำมันมาใช้


อาจจะมีหลายคนที่นึกถึงภาพเสื้อผ้าในยุคนี้ไม่ออก ก็ขอแนะนำ Gucci S/S 2012 
คงพอจะทำให้เห็นภาพตามได้อย่างไม่ยากเท่าไหร่นัก

                     




แต่ขอโทษทีงานนี้ฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกายอย่าง Catherine Martin 
(ซึ่งนางเป็นเมียของผู้กำกับเวอร์ชั่นนี้ Baz Luhrmann)
 ได้จับมือร่วมกันกับ Miuccia Prada กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

นางได้เล่าอ้างว่าเสื้อผ้านักแสดงฝ่ายหญิงในภาพยนตร์ของสามีนางเรื่องนี้ 
ถูกนำมาจากห้องเก็บชุดของ Prada และ Miu Miu รวมแล้วกว่า 40 ชุดกันเลยล่ะเธอ

ซึ่งทางฝั่งดีไซน์เนอร์และเจ้าของแบรนด์อย่าง Prada ก็ได้ออกมาพูดว่า 
โดยปกติแล้ววิธีการทำงานของนางจะไม่ค่อยสนใจเอาเรื่องยุคเรื่องเวลามาใช้ในการออกแบบ 
แต่พอมานั่งทำเสื้อผ้าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกว่า 
เออ.....เสื้อผ้าของชั้นมันก็ดูเป็น 1920's ได้ไม่ยากนะ ถ้าบิดโน่นนิดเติมนี่หน่อย










เพราะฉะนั้นคอหนัง คอแฟชั่น หรือจะเป็นทั้งสองคอก็ได้ ไม่ควรที่จะพลาดการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกประการ เพราะนอกจากจะได้ดูหนังเนื้อหาสนุก ยังได้เห็นเสื้อผ้าสุดงามอลังการงานผลิต ที่ขนกันมาถมหน้าจอกันอย่างกระหน่ำอีกต่างหากด้วยนะจ๊ะ




Sleep like a star


“What do I wear in bed?  Why, Chanel No. 5, of course.”


Marilyn Monroe